เสียงธรรมจากห้อง “เมตตาภิรมย์กรรมฐาน”
วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฏาคม 2568
เรื่อง เมตตากรรมฐานที่ธรรมสภา
โดย อาจารย์ คณานันท์ ทวีโภค
กำหนดสติในความรู้สึกตัวทั่วพร้อม ผ่อนคลายร่างกายกล้ามเนื้อทุกส่วน พร้อมกับปลดปล่อย ปล่อยวางขันธ์ 5 ร่างกาย ตัดกายทิ้งกาย ตัดผัสสะ ความเชื่อมโยงต่อเนื่อง ความสนใจในร่างกายอาการทางกายทั้งหมด ผ่อนคลายปล่อยวางกาย จากนั้นกำหนดใช้สติรู้ในลมหายใจ กำหนดภาพความรู้สึกเชื่อมโยงสัมพันธ์ เห็นลมหายใจเป็นเหมือนกับแพรวไหม พริ้วผ่านเข้าออกในกาย ลมหายใจผ่านเข้าออก กำหนดรู้ รู้ในลมหายใจ รู้ในลมสบาย รู้ในเวทนา คือความสงบเบา ความสบาย รู้ในจิตที่สงบลง เมื่อลมหายใจนั้นละเอียดขึ้น เบาขึ้น กำหนดทรงอารมณ์อยู่กับความสงบ กำหนดรู้พิจารณา เมื่อจิตของเราสงบจากนิวรณ์ 5 จากความวุ่นวาย ตัดร่างกายแล้ว จิตสงบแล้ว ทรงอารมณ์แห่งความสบายความสงบของจิต รักษาสภาวะ ทรงอารมณ์ฌานในความสงบในอานาปานสติ ให้ราบรื่นเรียบประดุจผืนน้ำที่เรียบสงบในดวงจันทร์วันเพ็ญ เห็นเงาจันทร์ชัดเจนฉันใด จิตเราสงบนิ่งราบเรียบปราศจากการกระเพื่อม ปราศจากความวุ่นวาย ปราศจากความปรุงแต่ง สงบนิ่ง
เมื่อจิตมีความสงบทรงตัวดีแล้ว ลำดับต่อไป เราก็กำหนดหยุดจิต นิ่งหยุด จากจุดที่หยุดอันเป็นเอกัคคตารมณ์อุเบกขารมณ์ เรากำหนดต่อไป ให้เห็นจุดที่หยุดนั้น ขยายขึ้นเป็นวงกลม จากวงกลมปรากฏขึ้นเป็นทรงกลม เป็นดวงแก้วสว่าง เชื่อมโยงกายทิพย์ของเรา จิตภาพนิมิต จิตคือกสิณ กสิณคือจิต ดวงแก้วที่สว่างขยายวงขึ้น ใสขึ้น สว่างขึ้น ใจเรายิ่งเอิบอิ่มเป็นสุข กำหนดรู้ว่าเราทรงอารมณ์จิต กสิณจิตในอุคคหนิมิตเป็นดวงแก้วสว่าง สงบ ใส ขยายขึ้น สว่างขึ้น ทั้งขนาดและความสว่าง ยิ่งใสขึ้น ยิ่งสว่างขึ้น ยิ่งมีขนาดใหญ่ขึ้น ใจเรายิ่งเป็นสุขยิ่งขึ้น เปี่ยมพลังของจิตตานุภาพเพิ่มพูนขึ้น ทรงอารมณ์จิตให้มีความผ่องใสที่สุด สว่างที่สุด ใจเอิบอิ่มยิ้มเป็นสุขที่สุด
จากอุคคหนิมิต กำหนดกสิณจิต ให้เปล่งพลานุภาพ จิตตานุภาพแห่งความผ่องใส กำลังของความเป็นทิพย์ จากจิตที่เป็นดวงแก้วใส กำหนดให้เป็นปฏิภาคนิมิตคือจิตกายเป็นเพชร ระยิบระยับละเอียดแพรวพราว จิตเป็นเพชรสว่าง มีความแพรวพราว มีความระยิบระยับ มีเส้นแสงรัศมีแผ่ออก 360 องศาโดยรอบของจิต พ้นเลยจากเส้นแสงรัศมีของจิต ปรากฏสภาวะความเป็นทิพย์ บรรยากาศอาณาเขตรายรอบปรากฏเป็นประดุจชั้นบรรยากาศมีกากเพชรพร่างพราว กระจายอยู่เต็มอาณาบริเวณ กำหนดว่าปริมณฑลกำลังของจิตตานุภาพของเราเปล่งประกายสว่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จิตที่เป็นเพชรประกายพรึกนั้นสว่าง จิตยิ่งใส ยิ่งระยิบระยับ ยิ่งสว่างเพียงใด ความเป็นทิพย์ ความสุข ความเอิบอิ่ม ความรู้สึกเปี่ยมพลังจากภายใน ยิ่งก่อเกิดขึ้นจากจิตเราฉันนั้น ทรงอารมณ์ที่สว่างเป็นเพชรระยิบระยับนั้น
กำหนดจิตอธิษฐานว่าวันนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา เป็นวาระที่ปรากฏดวงแก้วรัตนะคือพระรัตนตรัยครบ 3 ดวง ปรากฏความเป็นพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ถึงพร้อม จิตของข้าพเจ้านี้ปรากฏแสงสว่างความผ่องใสแห่งการปฏิบัติจิต ข้าพเจ้าขอน้อมถวายเป็นปฏิบัติบูชา แสงสว่างจากจิตอันประภัสสรของข้าพเจ้าสว่างไสวเพียงใดนั้น ก็ขอจงปรากฏขึ้นเป็นประดุจดวงประทีปแก้ว บูชาคุณพระรัตนตรัยคือคุณพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ทุกๆพระองค์ บนพระนิพพานด้วยเถิด ขอเหล่าเทพพรหมเทวาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย ได้โมทนาสาธุการกับข้าพเจ้าด้วยเทอญ กำหนดจิต เปล่งประกายสว่างที่สุด จิตเป็นประดุจดวงประทีปสว่างผ่องใสสะอาดบริสุทธิ์วิมุตหมดจดปราศจากกิเลส มีความนอบน้อมเคารพในพระรัตนตรัย ทรงสภาวะทรงอารมณ์ไว้ จริงยิ่งสว่างขึ้น แพรวพราวขึ้น ระยิบระยับขึ้น จิตเราผ่องใสขึ้น สว่างขึ้น
จากนั้นกำหนดจิตอธิษฐาน ขอรัศมีจิตของเราทุกคนจงปรากฏกระแสคลื่นแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณ แผ่สว่างไปพร้อมกับรัศมีจิต จิตอันประภัสสรที่กำหนดน้อมถวายเป็นประดุจดวงประทีป แผ่กระแสแห่งเมตตาอันไม่มีประมาณออกไปทั่วอนันตจักรวาล สว่างไสว มีแต่กระแสแห่งบุญกุศล กระแสแห่งความสงบเย็น กระแสแห่งความเมตตา กระแสแห่งความสะอาดบริสุทธิ์ของจิต ที่ว่างจากกิเลส กำหนดจิตทรงอารมณ์ตั้งจิตรำลึกนึกถึงพระพุทธองค์กำหนดภาพพระพุทธองค์เมตตาปรากฏขึ้นสว่าง อธิษฐาน ขอกระแสแห่งพุทธานุภาพลงมาสถิตอยู่ในดวงจิตดวงใจของข้าพเจ้า ณ บัดนี้ จิตข้าพเจ้าขอจงสว่างเป็นเพชรประกายพรึก
เมื่อจิตสว่างเป็นเพชรประกายพรึกแล้ว อธิษฐานจิตขอบารมีพุทธานุภาพ ยกจิตของข้าพเจ้าขึ้นไปที่พระจุฬามณีเจดีย์สถาน บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เมื่อขึ้นไปแล้ว ก็อธิษฐานจิตขออาราธนาบารมี ท่านปู่ท่านย่า ท่านท้าวอัมรินทราธิราชหรือพระอินทร์ ขอเมตตามาปรากฏอยู่ภายในพระจุฬามณีเจดีย์สถาน จากนั้นเรากำหนดจิตอธิษฐานขอให้กายเราตอนนี้เป็นกายพระวิสุทธิเทพ ต่อไปเราไปที่ภพใดภูมิใด เรากำหนดปฏิบัติเพื่อพระนิพพาน เราก็ทรงอารมณ์ของเราเป็นกายพระวิสุทธิเทพในทุกที่ ไม่เปลี่ยนไปตามสถานที่ที่ไป ตั้งมั่นอยู่กับจิตที่ปรารถนาพระนิพพาน
จากนั้นอธิษฐานกราบท่านปู่ท่านย่าด้วยความเคารพนอบน้อม ตั้งจิตกราบลาท่านว่า ชาตินี้ข้าพเจ้าขอตั้งจิตปฏิบัติเพื่อมรรคผลเพื่อพระนิพพาน ขอท่านปู่ท่านย่ามีเมตตาที่จะอนุญาต รับรู้และโมทนาบุญกับข้าพเจ้าด้วยเถิด ขอเหล่าเทวดาพรหมทั้งหลาย เมตตามาปรากฏโดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านทั้งหลายที่เป็นพ่อแม่ เป็นญาติพี่น้อง เป็นเพื่อน เป็นกัลยาณมิตร กัลยาณธรรม เป็นท่านผู้มีพระคุณช่วยเหลือเกื้อกูลข้าพเจ้ามาตลอดในทุกชาติทุกภพ ขอเมตตามาปรากฏที่พระจุฬามณีเจดีย์สถาน และโมทนาสาธุบุญกับการปฏิบัติธรรมกับจิตเจตนาของข้าพเจ้า ที่ปฏิบัติธรรมเพื่อมรรคผลพระนิพพานเป็นที่สุดด้วยเถิด กำหนดรู้ว่า ท่านมามากไหม ท่านปู่ท่านย่า ท่านดีใจกับเราไหม กำหนดไปกราบท่าน
จากนั้นเมื่อไปกราบท่านแล้ว ก็กำหนดจิตต่อไปอธิษฐานขอจงปรากฏดอกบัวแก้ว และโคมประทีปอันเป็นทิพย์ที่เกิดขึ้นจากบุญกุศล ทาน ศีล ภาวนาของข้าพเจ้า ที่บำเพ็ญมานับตั้งแต่อดีตจนปัจจุบัน ขอจงปรากฏขึ้นในความเป็นทิพย์ ปรากฏขึ้นกับกายพระวิสุทธิเทพของข้าพเจ้า และขออนุญาตท่านปู่ท่านย่า เวียนเทียนรอบพระจุฬามณีเจดีย์สถานเพื่อเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา จากนั้นกำหนดนะให้เห็นกายพระวิสุทธิเทพของเรา จงกรมเวียนเทียนรอบพระจุฬามณี ช้าๆ สงบ สว่าง รัศมีกายสว่างรุ่งโรจน์ เวียนทั้งหมด 3 รอบ ช้าๆ ใจสงบสว่าง เห็นองค์พระจุฬามณีสว่างเป็นแก้วชัดเจน จากนั้นเมื่ออธิษฐานเวียนเทียนครบ 3 รอบแล้ว เราก็กำหนดกายพระวิสุทธิเทพปรากฏอยู่ภายในพระจุฬามณีเจดีย์สถาน พร้อมกับนำดอกบัว ดวงประทีปที่เราเวียนเทียน ตั้งจิตน้อมถวายตรงต่อพระบรมสารีริกธาตุ คือพระเขี้ยวแก้วและพระเมาลีของพระพุทธองค์ กำหนดจิตถวายด้วยความนอบน้อม เวียนเทียนถวาย ปฏิบัติถวาย เป็นพุทธบูชา
จากนั้นกำหนดจิตของเราต่อไป อธิษฐานขอบารมีของพระพุทธเจ้าทุกๆพระองค์ หลวงพ่อฤาษีพระราชพรหมยาน ขออนุญาตท่านปู่ ขอให้กายพระวิสุทธิเทพของข้าพเจ้าไปปรากฏอยู่ที่ธรรมสถาน ธรรมสภาอันเป็นที่ปฏิบัติของเทวดาพรหมทั้งหลาย ขอจงไปปรากฏด้วยเถิด กำหนดจิตและพิจารณาดูว่า ภายในธรรมสภาบนสวรรค์ ตอนนี้มีเทวดาพรหมท่านมาปรากฏอยู่มากน้อยเพียงใด มากันเต็มไหม จากนั้นเราก็พิจารณาดูว่า มีท่านใดที่ปรากฏเป็นประธานอยู่ มีท่านใดที่นั่งเรียงลำดับ ตามบุญตามรัศมีกาย ตามลำดับของเทวดาและพรหมที่ท่านปรากฏอยู่ ณ ที่นี้ เราก็กำหนดจิตใช้กายพระวิสุทธิเทพกราบทุกท่านทุกพระองค์ นับตั้งแต่พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ รวมไปจนกระทั่งถึงเทพพรหมเทวาทั้งหลาย
แล้ววันนี้ก็ขอโอกาส ขอบารมีพระพุทธองค์ ขอบารมีหลวงพ่อเมตตาสงเคราะห์ ขอตั้งจิตอัญเชิญลุงพุฒิ ท่านพญายมราชเมตตาเป็นพิเศษที่จะเสด็จขึ้นมาปรากฏอยู่บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในวาระพิเศษด้วย จากนั้นกำหนดจิต เมื่อท่านมาปรากฏแล้ว เรานั่งกระโหย่งประนมมือ อธิษฐานตรง ด้วยในวาระอันเป็นวันอาสาฬหบูชาเป็นวันพระใหญ่อันปรากฏพระรัตนตรัยขึ้นครบถ้วน เป็นวันที่พระพุทธองค์ทรงเมตตาเทศนาธรรมจักร ข้าพเจ้าทั้งหลาย ทั้งมนุษย์ ผู้ปฏิบัติเจริญพระกรรมฐานขึ้นมาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ในวาระนี้ก็ตาม และเหล่าเทพพรหมเทวาทั้งหลายก็ตาม ขอวาระพิเศษอันเป็นวันปลอดนรกการนี้ น้อมกระแสกุศลตั้งจิตอุทิศให้บรรดาญาติทั้งหลาย พ่อแม่ทั้งในอดีตชาติและปัจจุบันชาติ ได้รับส่วนบุญส่วนกุศล ท่านใดที่อยู่ในวิสัยที่สามารถโมทนาบุญจนพ้นขึ้นมาจากนรก ก็ขอจงพ้นปรับภพภูมิขึ้น ท่านใดที่อยู่ในวิสัยแค่ทำให้โทษทัณฑ์ทั้งหลายบรรเทา ไฟนรกหยุดบ้าง พักบ้างสงบ เย็นลงบ้าง เครื่องลงทัณฑ์ทั้งหลายคลายการลงทัณฑ์ ได้พักได้หยุดบ้าง เป็นไปตามวาระแห่งกฎของกรรม ที่สามารถเกื้อกูลสงเคราะห์ได้โดยพุทธานุภาพ ก็ขอให้ผลบุญนี้จงส่งผลถึงพ่อแม่ทั้งปัจจุบันชาติและอดีตชาติของทุกท่านทุกคน ณ สถานที่ในธรรมสภาแห่งนี้ด้วยเทอญ จากนั้นขออนุญาตลุงพุฒิเมตตาพร้อมกระแสเปิดภูมิแห่งนรกภูมิ ให้ญาณเครื่องรู้ของเรา คือมนุษย์ทั้งหลายผู้บำเพ็ญทรงฌานสมาบัติกำลังมโนมยิทธิทั้งหลาย ที่เจริญพระกรรมฐานในขณะนี้ และมวลหมู่เทพพรหมทั้งหลาย ณ ธรรมสภาแห่งนี้ ได้เห็นญาติของตน พ่อแม่ในอดีตชาติของตนปรากฏ หากมีอยู่ก็ขอให้รู้เห็นขึ้น
จากนั้นเราน้อมจิต รวมจิตรวมกุศล พิจารณาว่า ขอบุญทั้งหลายอันเกิดขึ้นจากทานอันบริสุทธิ์ สังฆทาน มหาสังฆทาน การใส่บาตร ถวายเพล ถวายภัตตาหาร บุญสร้างพระพุทธปฏิมา บุญสร้างวัด สร้างวิหารทาน สร้างพระเจดีย์ บุญในส่วนของธรรมทาน ทานทั้งหลายจงรวมตัวกัน น้อมจิตรำลึกนึกถึงบุญอันปรากฏขึ้นจากศีล ศีลทั้งหลายเนกขัมมะทั้งหลาย ศีล 5 ศีล 8 ศีล 227 ข้อ พรหมวิหาร 4 ที่ข้าพเจ้าเคยกระทำบำเพ็ญตั้งจิต วิรัติคืองดเว้นการล่วงละเมิดเบียดเบียน ขอกำลังบุญอันเกิดขึ้นจากศีล บุญอันเกิดขึ้นจากการเป็นผู้ที่ปราศจากการเบียดเบียน กระแสอันเกิดขึ้นจากจิตอันถึงพร้อมในความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา พรหมวิหาร 4 จงมารวมตัวกัน
น้อมจิตรำลึกนึกถึงบุญกุศลอันเกิดขึ้นจากการภาวนา คือการเจริญพระกรรมฐานทั้งสมถะและวิปัสสนา กรรมฐานทั้ง 40 กอง มหาสติปัฏฐาน 4 การเจริญจิตพิจารณาตัดร่างกายขันธ์ 5 ตัดชาติ ตัดภพ ตัดสังโยชน์ทั้ง 10 ประการ ขอกำลังบุญอันเกิดขึ้นจากการภาวนาจงเป็นกระแสรวมตัวทาน ศีล ภาวนา ไตรสิกขา กำลังบุญจงกลายเป็นแสงสว่างส่งผลสำเร็จกับญาติทั้งหลาย ปิยะชนทั้งหลาย พ่อแม่ของข้าพเจ้า ขอกำลังแห่งพระกรรมฐานที่ข้าพเจ้าปฏิบัติไว้ดีแล้ว โปรดสงเคราะห์ญาติโยม พ่อแม่ของข้าพเจ้า ให้พ้นจากทุกข์ บุญกรรมฐานเปิดโลก โปรดพ่อแม่ด้วยความกตัญญูกตเวทิตานี้ บุญจงสำเร็จขอเทพพรหมเทวา และผู้เจริญกรรมฐานทุกคน โมทนาบุญซึ่งกันและกัน ให้เกิดกำลังแห่งโมทนานุปัจจัย เป็นกำลังกระแสลงไปถึงทุกดวงจิตทุกท่านที่อยู่ในวิสัยที่จะปรับภพภูมิขึ้นมาครั้งนี้ กำลังบารมีแห่งพระโพธิสัตว์เจ้า เชื่อมกระแสรวมตัวมาสงเคราะห์ แสงสว่างพุ่งลงไป แสงแห่งบุญพุ่งลงไป แสงแห่งเมตตาพุ่งลงไป กระแสที่เชื่อมโยงจากพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ เทพพรหมเทวา กระแสแห่งพระโพธิสัตว์ที่เชื่อมกระแสส่งตรงลงไป
กำหนดน้อมขอทุกดวงจิตจงปรับภพภูมิขึ้น จิตจงเป็นกุศล จิตจงน้อมรวมลง สู่คุณความดี ทาน ศีล ภาวนา เมื่อปรับขึ้นมาจากนรกแล้ว จงเป็นดวงจิตที่รำลึก รู้ตื่น เข็ดหลาบกลับตัวกลับจิต จากวิบาก จากกรรม จงเข้าสู่กระแสแห่งกุศล กระแสแห่งบุญ กระแสแห่งแสงสว่างของมรรคผลพระนิพพาน กำหนดรู้ของเรา ญาติทั้งหลายของเรา เขาสามารถยกจิตปรับภพภูมิขึ้นมาได้ไหม เป็นแสงสว่างพุ่งขึ้นมาจากนรก พ้นจากวิบาก กำหนดน้อมยินดีกับท่านที่พ้นจากความทุกข์ ใจของเราเอิบอิ่มผ่องใส จิตของเรายินดีด้วยใจที่กตัญญูต่อท่าน ที่เป็นพ่อแม่ในอดีตชาติ ที่เราช่วยด้วยกำลังบุญพระกรรมฐาน เมื่อเราน้อมจิต เกื้อกูลสงเคราะห์ท่านทั้งหลายจนครบถ้วนหมดแล้ว ก็กราบขอบพระคุณลุงพุฒิ พญายมราช อธิษฐานจิตขอท่านจงปรากฏในสภาวะแห่งพรหมซึ่งท่านเป็นพระอนาคามีพรหม กำหนดน้อมกราบท่าน ท่านน่ากลัวไหมหรือท่านอยู่ในชุด อยู่ในเครื่องทรงที่มีความสวยงาม มีความสว่าง กำหนดจิต กราบขอบคุณท่าน จากนั้นเรายังปรากฏอยู่ในธรรมสภาบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ต่อไป
อธิษฐานจิตขอบารมีพระพุทธองค์ทรงสงเคราะห์ขอท่านทั้งหลายที่มาประชุมกัน ณ สถานที่ธรรมสภาแห่งนี้ ได้น้อมจิตรวมลงสู่บุญกุศล เจริญพระกรรมฐาน ปฏิบัติธรรม น้อมย้อนหวนคืนสู่อตีตังสญาณ ขอทุกท่าน ณ ธรรมสภาแห่งนี้ พิจารณาย้อนเห็นวาระเหตุการณ์ที่พระพุทธองค์ท่านทรงตรัสพระธรรมเทศนา ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร โปรดปัญจวัคคีย์ทั้ง 5 เราพิจารณาว่า หากไม่มีพระพุทธเจ้า เราก็ไม่เข้าถึงบุญ ไม่สามารถเข้าถึงกุศลความดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ไม่สามารถเข้าถึงธรรมอันเป็นเครื่องหลุดพ้น คือพระนิพพานเป็นที่สุด หากไม่มีปรากฏพระสงฆ์ พระสงฆ์นั้นให้เรากำหนดจิตมั่นหมาย ถึงท่านที่เป็นพระอริยสงฆ์ ท่านที่เป็นพระสุปฏิปันโน ที่สืบต่อถ่ายทอดพระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ รวมถึงปฏิบัติจิต ปฏิบัติตน ทั้งปริยัติคือศึกษาหาความรู้ ปฏิบัติลงมือพิจารณา ลงมือเจริญพระกรรมฐาน ลงมือที่จะปฏิบัติ เจริญปัญญาขัดเกลาสรรพกิเลสทั้งหลาย ถอดถอนจนเกิดผล คือปฏิเวธ จิตสะอาดขึ้น บริสุทธิ์ขึ้น ถอดถอนสรรพกิเลสออกจากจิต ตัดสังโยชน์ทั้งหลาย จนเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้า ไม่ว่าจะเป็นพระโสดาบัน พระโสดาปฏิมรรค พระโสดาปฏิผล พระสกิทาคามีมรรค พระสกิทาคามีผล พระอรหันตมรรค พระอรหันตผล เรานอบน้อมกราบจำเพาะเจาะจงต่อพระที่เป็นพระ คือพระอริยเจ้า พระที่ปฏิบัติเป็นพระสุปฏิปันโน กราบพระที่ท่านเป็นพระโพธิสัตว์ มีจิตปรารถนา รื้อขนมวลสรรพสัตว์เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน จากนั้นเรากำหนดน้อมพิจารณาให้เห็นกระแสบุญ ความสว่างเมื่อปรากฏพระรัตนตรัย อธิษฐานจิต ขอจงปรากฏธรรมจักรกงล้อแห่งธรรม มรรคมีองค์ 8 กำหนดน้อมอธิษฐาน ขอกงล้อแห่งธรรมคือธรรมจักรนี้ หมุนเครื่องเป็นนิมิตในจิตของข้าพเจ้า ขอท่านทั้งหลายจะเป็นมนุษย์ จะเป็นเทวดาพรหม ก็กำหนดน้อมให้เห็นธรรมจักรนี้หมุนในจิต มรรคมีองค์ 8 ที่เคลื่อน ขอสัมมาทิฏฐิจงปรากฏ
จากนั้นอธิษฐานจิตต่อไป ขอบารมีพระพุทธองค์ทรงเมตตาสงเคราะห์โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เราทั้งหลายที่เป็นมนุษย์ยังอยู่บนโลกมนุษย์ ญาณเครื่องรู้ทั้งหลายอาจจะไม่ได้ทรงตัวตลอดเวลา ให้เราทั้งหลายอธิษฐานจิตโดยตรงต่อพระพุทธเจ้าว่า ข้าพเจ้านี้จิตน้อมเข้าถึงไตรสรณคมน์คือ พระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีวาระที่ปรากฏในเขตพระพุทธศาสนา ที่กระทบต่อศรัทธาของพุทธศาสนิกชนอย่างยิ่ง แม้จิตข้าพเจ้าเองไม่ได้หวั่นไหวไปกับข่าวกับสิ่งที่ปรากฏขึ้นนั้นก็ตาม แต่ข้าพเจ้าขอตั้งจิตเป็นพรพิเศษโดยตรงกับพระพุทธองค์ หากสงฆ์คือผู้ถือเพศบรรพชิต หากท่านใดก็ตามที่เป็นพระที่ข้าพเจ้าตั้งจิตกราบถึง คือพระอริยเจ้า พระสุปฏิปันโน พระโพธิสัตว์ ขอให้ข้าพเจ้าปรากฏญาณที่พระพุทธองค์ทรงเมตตา น้อมลงให้ปรากฏขึ้นกับจิตข้าพเจ้า ท่านที่เป็นพระสุปฏิปันโน ขอจงมีภาพนิมิตพระพุทธองค์อยู่เหนือเศียรเกล้าของพระสงฆ์พระภิกษุรูปหนึ่งด้วยเถิด
ขอกระแสเย็น ขอกระแสสงบ ขอความสว่างผ่องใส จงปรากฏจนข้าพเจ้าสามารถสัมผัสกำหนดรู้ได้ด้วยผัสสะความรู้สึก เข้ามาถึงจิตถึงใจข้าพเจ้าด้วยเถิด และน้อมจิต ขออาราธนากำลังบุญ กำลังบารมีของลุงพุฒิคือท่านพญายมราชสงเคราะห์ หากบุคคลที่อยู่ในเครื่องแบบ อยู่ในผ้าเหลืองท่านใดที่เป็นอลัชชีก็ตาม ที่เป็นสมีปราชิกไปแล้วก็ตาม ขาดจากความเป็นสงฆ์ไปแล้วก็ตาม มีความประพฤติที่เข้ามาปลอมบวช ละเมิดพระธรรมวินัย ไม่เคารพพระพุทธเจ้า มีจิตเป็นมิจฉาทิฐิ ล่วงละเมิดในพระรัตนตรัย ก็ขอให้ข้าพเจ้าหลีกเร้นไม่พบไม่เจอ หากพบเจอก็ขอให้รู้ ขอให้สัมผัส ขอให้เห็นพื้นเบื้องล่างของบุคคลนั้นปรากฏเป็นเพลิง เป็นวาระ เป็นผลแห่งการประพฤติมิชอบนั้น และขอให้กำหนดในความรู้สึกสัมผัสรู้เป็นสิ่งที่เตือนให้ข้าพเจ้าหลีกเร้นห่าง เป็นกระแสร้อน เป็นความเร่าร้อน หรือปรากฏให้ข้าพเจ้าฉุกรู้ได้ ว่าบุคคลนี้ควรจะต้องหลีกต้องห่างให้พ้น ขอพรนี้จงเป็นเครื่องประคับประคองให้ข้าพเจ้านี้ กราบสักการะ ฟังธรรม พบเจอแต่ครูบาอาจารย์ พระอริยเจ้า พระอริยสงฆ์ พระสุปฏิปันโน พระโพธิสัตว์เท่านั้น เพราะจิตข้าพเจ้าตั้งไว้อยู่กับมรรคผลพระนิพพาน กระแสมรรคผลพระนิพพานย่อมดึงดูดพระผู้เป็นพระดี พระปฏิบัติชอบ พระสุปฏิปันโน กระแสมรรคผลพระนิพพานย่อมผลักให้บุคคลที่เป็นอลัชชีห่างไปจากชีวิตข้าพเจ้านับตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไปด้วยเทอญ
จากนั้นตั้งจิตอธิษฐานขอท่านทั้งหลาย ณ สถานที่แห่งนี้ ขอให้ข้าพเจ้าผู้เป็นมนุษย์ที่เจริญพระกรรมฐานทรงกำลังมโนมยิทธิ ขึ้นมากราบพระ ขึ้นมากราบเทพพรหมบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ขณะนี้ เทวดาพรหมองค์ใดที่ท่านเข้าถึงความเป็นพระอริยเจ้านับตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป พระสกิทาคามี พระอนาคามี ขอให้ปรากฏเป็นแสงสว่างขึ้นจากรัศมีกายขององค์ท่าน ขอจงปรากฏขึ้นในสถานที่ธรรมสภาแห่งนี้ด้วยเถิด เรากำหนดจิตกราบทุกท่านทุกๆพระองค์ด้วยความนอบน้อมเคารพ กราบในคุณธรรมความดี กราบในความเป็นพระอริยเจ้า น้อมจิตกราบด้วยความเคารพ จากนั้นอธิษฐานจิตต่อไป ขอบารมี ขออนุญาตพระอินทร์ท่าน เทวดาพรหมท่านใด ที่ท่านมีเมตตาเอ็นดูต่อมนุษย์โลก ยามที่มนุษย์ทำความดีสร้างกุศล ท่านก็เมตตาไปดูและมาประกาศบนสวรรค์บนพรหม ยามที่มนุษย์โลกเจริญพระกรรมฐานก็เมตตาเสด็จไปคุ้มครองรักษา กายขันธ์ 5 ขอให้ท่านทั้งหลายเมตตาปรากฏขึ้นให้ข้าพเจ้าได้โมทนาน้อมกราบในคุณความดี ในน้ำใจที่ท่านเอื้อเอ็นดูต่อมนุษย์โลก ขอให้เราปรากฏรู้ขึ้น ขอองค์ที่ท่านได้กระทำไม่ว่าจะเป็นหน้าที่ก็ตาม หรือจิตท่านมีความเมตตาปรารถนาดีก็ตาม ขอจงปรากฏ น้อมจิตกราบทุกท่านทุกๆพระองค์
จากนั้นกำหนดจิตต่อไป และท่านใดที่ท่านเป็นผู้มีพระคุณ ดูแลคุ้มครองรักษาข้าพเจ้าช่วยเหลือเกื้อกูลอนุเคราะห์ข้าพเจ้า ทำให้ข้าพเจ้าแคล้วคลาดปลอดภัยจากภยันอันตรายทั้งหลาย ทำให้ข้าพเจ้าแคล้วคลาดจากวิบากกรรมในบางเหตุบางปัจจัย ขอท่านจงปรากฏให้ข้าพเจ้าแต่ละบุคคลได้รู้เป็นปัจจัตตัง ให้ข้าพเจ้าได้น้อมจิตโมทนาสาธุการด้วยเถิด น้อมจิตกราบท่าน แต่ละคน บางคนก็มีเทวดาพรหมคุ้มครองเป็นจำนวนมาก ก็กราบทุกๆพระองค์ เมื่อน้อมจิตกราบแล้ว จิตเรามีความนอบน้อมแล้ว เราก็อธิษฐานต่อเทวดาพรหมทั้งหลาย พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า ครูบาอาจารย์ หลวงพ่อพระราชพรหมยาน พญายมราช ท่านท้าวสหัมบดีพรหม ท่านมากันหมดในตอนนี้
วันนี้ท่านเมตตามาปรากฏเพื่อโปรดเทวดาพรหมที่ธรรมสภาด้วย วันนี้เราก็เลยยกจิตมาที่นี่ เพราะพระอินทร์ท่านเมตตามาตาม ให้วันนี้สอนพระกรรมฐานและมาที่นี่ กำหนดจิตต่อไป ตั้งใจทรงอารมณ์ความผ่องใส น้อมจิตตัดร่างกายขันธ์ 5 น้อมจิตตัดภพทั้งหลาย อันเนื่องอยู่กับสังสารวัฏนี้ สังสารวัฏนี้มันไม่เที่ยง สวรรค์ก็มีวันหมดอายุ มีวันหมดบุญ พรหมก็มีวันหมดอายุ มีวันหมดบุญ ตราบที่ยังเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในวัฏสงสาร การเปลี่ยนภพ การพลัดพรากจากสมบัติ คือมนุษย์สมบัติก็ดี ทิพยสมบัติความเป็นเทวดาก็ดี พรหมสมบัติก็ดี มันก็มีการเปลี่ยนแปลง มีการแปรเปลี่ยนไป เปลี่ยนภพเปลี่ยนภูมิไป เปลี่ยนสมมุติไป ทางเดียวที่จะพ้นจากความทุกข์ จากการพลัดพราก ทุกข์จากการที่ต้องเสวยความทุกข์ในภพนั้นๆในภูมินั้นๆ เช่นทุกข์ในภพแห่งความเป็นมนุษย์ ภพแห่งการเป็นโอปปาติกะ สัมภเวสี ภพของการเป็นเปรตอสุรกาย หรือแม้แต่ภพของนรกภูมิทุกขุม ตราบที่ยังเวียนว่ายตายเกิดก็ยังต้องพบกับความทุกข์ กำหนดน้อมให้จิตทุกดวงพิจารณาดูกรรม ตอนนี้ทุกท่านที่อยู่ปรากฏในธรรมสภาแห่งนี้ มีญาณเครื่องรู้อันเป็นทิพย์ จากความเป็นเทวดา จากความเป็นพรหม หรือจากกำลังของมโนมยิทธิ คือ ญาณ 8 กำหนดรู้ให้เห็นว่ายังมีกรรมฝ่ายวิบากอกุศลยังคอยเล่นงานเราอยู่ กรรมที่เราบางครั้งเราโชคดีพบพระพุทธศาสนา เราวางจิตเป็นกุศล วางจิตก่อนตายให้อยู่กับทาน ศีล ภาวนา ให้อยู่กับพระ ให้อยู่กับพุทโธ เราจึงรอดพ้นจากอบายภูมิมาได้ แต่กรรมนั้นไม่อาจลบล้างได้ ยังมีวิบาก ยังมีกรรมฝ่ายอกุศลที่จะดึงเราไปสู่ทุคติภูมิ อันได้แก่สัตว์เดรัจฉาน เปรต อสุรกายหรือสัตว์นรก
กำหนดน้อมพิจารณาให้เห็น เพื่อให้เราไม่ประมาทในความสุข ในความเพลิดเพลินในมนุษย์สมบัติ ทิพยสมบัติ ความเป็นเทวดาหรือแม้แต่พรหมสมบัติ ยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อม พิจารณาว่าเราเป็นสุข เรามีกำลังและมีความเป็นทิพย์ เราได้ฟังธรรมจากพระพุทธองค์ เราได้ฟังธรรมจากพระโพธิสัตว์ เราอย่าประมาท เราตั้งจิตว่า กำลังใจของเรานั้น ต้องยกระดับขึ้น พึงพอใจอยู่กับความเป็นเทวดาไม่ได้ พึงพอใจกับความเป็นพรหมไม่ได้ เราต้องพ้นจากสังสารวัฏ คือยกจิตขึ้นไปยังพระนิพพาน จากนั้นก็น้อมใจของเรา พิจารณาตัดชาติตัดภพ ความเป็นเทวดาเราไม่ปรารถนา ความเป็นพรหมเราไม่ปรารถนา กำหนดจิตสำหรับท่านที่มีกำลังใจเต็ม กำหนดน้อมจิตด้วยกำลังแห่งความเป็นทิพย์ ซึ่งขณะนี้ท่านทั้งหลายยังมีอายุขัยแห่งความเป็นเทวดาและพรหมอยู่ ตั้งจิตอธิษฐานตัดชาติภพ ตัดความเป็นเทวดา ตัดความเป็นพรหม บุญทั้งหลายที่ส่งผลให้ยังมีอายุบนสวรรค์ยาวนานเท่าไรก็ตาม เราไม่ต้องการ เราขอน้อมจิต ติดตามพระพุทธองค์ ติดตามหลวงพ่อขึ้นไปบนพระนิพพาน ท่านใดที่ตัดสินใจจนจิตนั้นเป็นสมุจเฉทปหาน บรรลุอรหันตผลในขณะที่เป็นเทวดาหรือพรหม ก็ขอพุ่งจิตขึ้นไปปรากฏเปลี่ยนกายทิพย์เป็นกายแห่งพระวิสุทธิเทพ ขึ้นไปบนพระนิพพานด้วยเถิด ท่านที่ไม่ได้มีหน้าที่ที่ยังต้องรั้งอยู่ ก็ตัดสินใจยกจิตขึ้นไป ตอนนี้เราน้อมจิตกราบลาพระอินทร์ ท่านท้าวสหัมบดีพรหม ท่านพญายมราช กำหนดจิตพร้อมกัน
สำหรับคนที่ปฏิบัติเจริญพระกรรมฐานด้วยกำลังมโนมยิทธิ เราก็พุ่งจิตไปพร้อมกับเทวดาพรหมที่ท่านบรรลุอรหัตผล พุ่งจิตขึ้นไปบนพระนิพพาน พร้อมกับพระพุทธองค์ พร้อมกับหลวงพ่อ พร้อมกับครูบาอาจารย์ พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ทุกๆพระองค์ ที่เมตตาเสด็จมาปรากฏที่ธรรมสภาแห่งนี้ เราพุ่งจิตขึ้นไปบนพระนิพพานตอนนี้ ขอจงปรากฏมหาสมาคมอันมีสมเด็จองค์ปฐมทรงเป็นประธาน ขอพระพุทธองค์ ขอพระปัจเจกพุทธเจ้า ขอพระอรหันต์ทุกๆพระองค์ เมตตาปรากฏความสว่างผ่องใส กายพระวิสุทธิเทพของเราทุกคนปรากฏสว่างอยู่บนพระนิพพาน กำหนดน้อมจิตกราบ กราบพระพุทธเจ้าสมเด็จองค์ปฐม พระพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระปัจเจกพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอรหันต์ทุกๆพระองค์บนพระนิพพาน เราที่เป็นมนุษย์เจริญพระกรรมฐาน เรายังเข้าถึงพระนิพพานในอารมณ์แห่งพระอรหันต์เพียงชั่วคราวชั่วขณะ ยังไม่ตัดกิเลสเป็นสมุจเฉทปหาน แต่จิตเราในขณะนี้ตัดภพจบชาติทั้งหลาย ไม่ปรารถนาภพอื่นภูมิใด เห็นความทุกข์ เห็นความวุ่นวายบนโลกมนุษย์ นี่เพียงกึ่งพุทธกาล พระพุทธศาสนาก็ยังมีเรื่องที่เป็นมลทินเครื่องเศร้าหมอง หากเราเกิด หากเราอยู่อีกนานไป ก็จะยิ่งปรากฏความเสื่อมถอยลง ตามอายุขัยแห่งพระพุทธศาสนา ดังนั้นในขณะที่ยังปรากฏมรรคผลพระนิพพาน ปรากฏศรัทธา ปรากฏธรรมะอันตรงกับมรรคผลพระนิพพานอยู่ ชัดเจนอยู่ เห็นทางอยู่ เห็นทางแห่งการปฏิบัติอยู่ เราก็จะไม่ประมาทที่จะปฏิบัติ ที่จะให้ชาตินี้เข้าถึงซึ่งพระนิพพาน ตัดสินใจให้เด็ดเดี่ยวขึ้น มั่นคงขึ้นในพระนิพพานในชาติปัจจุบันนี้ กราบพระพุทธเจ้า กราบสมเด็จองค์ปฐม กราบลงสุดจิตสุดใจของเรา กราบด้วยความนอบน้อม ว่าอย่างไรลูกขอเข้าถึงซึ่งพระนิพพานชาตินี้อย่างแน่นอนมั่นคง เป็นคติที่ไม่แปรเปลี่ยน เมื่อกราบลงแล้ว เราก็น้อมรับกระแสจากพระพุทธองค์ ขอกระแสธรรม การพิจารณาธรรม ธรรมะของพระพุทธองค์ ผุดรู้ขึ้นในจิต ปรากฏขึ้นในทุกวาระแห่งการกระทบ ญาณเครื่องรู้ ญาณทั้ง 8 ปรากฏชัดเจน ไตรสิกขาคือทาน ศีล ภาวนา ถึงพร้อมในจิตของเรา เมื่อเราปฏิบัติจนเป็นปรมัตถบารมี ปฏิบัติเพื่อมรรคผลพระนิพพานแล้ว การกราบพระของเรา เราก็กราบถึงพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานทุกครั้ง ทานของเราเวลาถวายกำหนดจิตถึงพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน ทานนั้นก็เป็นทั้งทาน เป็นทั้งภาวนา เป็นทั้งการตั้งจิตเพื่อมรรคผลพระนิพพานไปพร้อมกัน
กำหนดน้อมว่าจิตของเราแนบอยู่กับพระนิพพานเป็นที่สุด ตั้งกำลังใจว่าในช่วงเข้าพรรษานี้ เราจะปฏิบัติเข้มข้นขึ้น เมื่อจิตตื่นขึ้นในความรู้สึกแรกที่มีสติ ในตอนเช้ากำหนดจิต ยกจิตกราบพระพุทธองค์ขึ้นทุกครั้ง กราบด้วยความเคารพนอบน้อม กราบและอธิษฐานขอเข้าถึงซึ่งพระนิพพานชาตินี้ การที่เราฝึกเช่นนี้
(ข้อที่หนึ่ง) สติแรกที่เรารู้ขึ้น เรานึกถึงพระ สติแรกเป็นกุศล กุศลนั้นก็คุ้มเรา คือคุ้มจิตเราให้ผ่องใสมั่นคงอยู่ได้ตลอดทั้งวัน การที่มีสติแว่บแรกปรากฏขึ้น การฝึกการปฏิบัติเช่นนี้ในยามฉุกเฉิน เช่นฉับพลันที่เราจะเกิดอันตราย สติแว่บแรกเราที่เคยฝึกในทุกครั้งที่ตื่นนอน เรานึกถึงยกจิตกราบพระพุทธเจ้าบนพระนิพพาน หากบางคนมีวาระ มีวิบากที่จะต้องตายด้วยอุบัติเหตุ ในยามคับขันฉุกเฉิน สติแว่บแรกปรากฏ เรายกจิตขึ้นพระนิพพานจากที่ซ้อมไว้ทุกวัน หากเกิดอุบัติเหตุ จิตเราก็นึกถึงพระ นึกถึงพระนิพพาน อันนี้ก็เป็นการปฏิบัติที่มีผลซึ่งบางครั้งอาจารย์ก็ไม่ได้กล่าว ไม่ได้พูดถึง ยังไม่ได้เล่าให้ฟัง ดังนั้นการฝึกว่าตื่นสติแว่บแรกที่ตื่น เราฝึกจะเกิดผล ในวาระแบบนี้หรือในยามฉุกเฉิน ถ้าหากยังไม่ถึงวาระที่เราจะต้องตาย สติแว่บแรกที่เรานึกถึงพระ ก็จะทำให้เราแคล้วคลาดปลอดภัย แต่ถ้าวิบากมันเข้า คือจะต้องตายหรือจะเรียกว่ากุศลเข้าก็คือถึงวาระเกิดอุบัติเหตุ เราตายขึ้นมา เราก็ไปพระนิพพานคือบรรลุอรหัตผลในจิตแว่บแรกที่เกิดอุบัติเหตุ อันนี้คือข้อที่หนึ่งที่เราจงฝึกไว้สม่ำเสมอ
ข้อที่สองก็คือเวลาเจริญพระกรรมฐานสวดมนต์ทำวัตร เราตั้งจิตยกจิตตรงอยู่กับพระพุทธเจ้าบนพระนิพพานทุกครั้งให้นานที่สุด เป็นการฝึกให้จิตเรานั้นมีความแนบอยู่กับพระนิพพาน มีความทรงตัว สามารถทรงอารมณ์คือคงกายทิพย์ กายพระวิสุทธิเทพอยู่บนพระนิพพานได้ยาวนาน
ข้อต่อไปคือการผูกกิจวัตรต่างๆของเราในชีวิตประจำวันไว้กับการเจริญพระกรรมฐาน เช่น ก่อนทานอาหารก็กำหนดจิตเป็นเพชร ยกถวายพระพุทธเจ้า คือหาเรื่องที่จะขึ้นไปบนพระนิพพาน ให้เวลา 24 ชั่วโมงของเรานั้น อยู่กับพระอยู่กับพระนิพพานให้มากที่สุดนานที่สุด หรือสำหรับบางคนที่มีกำลังใจเข้มแข็ง เราก็ทรงภาพพระบนศีรษะเหนือเศียรเกล้าหรือภายในอกตลอดวันตลอดเวลา ลืมตาหลับตาทำได้ พุ่งจิตขึ้นพระนิพพานเมื่อไหร่ทำได้ หรือบางคนเวลาที่ออกกำลังกาย จะเดินก็ดี จะวิ่งก็ดี เราก็ภาวนาไปด้วย กายเนื้อเราออกกำลังไป แต่จิตเรายกขึ้นไปบนพระนิพพานหรือภาวนาไป สวดมนต์ไป
ส่วนสุดท้ายก็คือเวลาที่เราอาบน้ำตอนเช้า อาบน้ำตอนเย็น เวลาที่อาบน้ำแล้ว เรากำหนดจิตพิจารณาล้างใจว่าเราอาบกาย ก่อนที่จะล้างร่างกาย เราก็ล้างใจเราซะก่อน กำหนดก่อนอาบน้ำว่าเราจะเป็นผู้ที่ล้างใจ คือล้างใจให้สะอาดบริสุทธิ์ ล้างใจจากอกุศลทั้งหลาย เราจะไม่ให้อกุศลทั้งหลาย มลทินเครื่องเศร้าหมองของจิตทั้งหลาย มาทำให้จิตเราสกปรกขุ่นมั่ว แล้วก็อาบน้ำพร้อมกับตั้งใจว่าเราจะรักษาจิตเราให้ผ่องใสสว่างให้เป็นปกติสม่ำเสมออยู่ตลอดเวลา
ส่วนเวลาสุดท้ายที่สุดก็คือก่อนนอน นอนลงก็กำหนดจิตวางใจตาย ว่าเราทอดกายลง ถ้าเราตายพิจารณาตัดวาง วางกายว่าเราห่วงกายไหม ตัดกายได้ไหม พิจารณาดูว่าเรารักเราห่วงใครที่สุดคือคน เรารักเราหวงวัตถุสิ่งของใดมากที่สุด เราห่วงภาระทั้งหลายที่ปรากฏขึ้น คือกิจการงาน กิจการ ภาระที่คั่งค้าง เราวางให้หมด วางห่วง วางภาระแล้วก็ยกจิตขึ้นไปบนพระนิพพาน คราวนี้ตั้งแต่เวลาหลับยันตื่น เราก็เท่ากับทรงอารมณ์อยู่บนพระนิพพานตลอดเวลานอน 8 ชั่วโมง ก็เท่ากับทรงอารมณ์บนพระนิพพานทั้ง 8 ชั่วโมง
กำหนดจิตว่าตลอดเวลาที่เข้าพรรษานี้ รวมเวลาหลับด้วย เท่ากับใน 1 วันเราจะต้องทำเอาแบบสบายๆไม่เคร่งเครียด จุดสำคัญอยู่ที่จิตผ่องใสที่สุด ในขณะที่ยกจิตขึ้นบนพระนิพพาน เอาให้ได้เกินวันละ 12 หรือ 16 ชั่วโมงแค่นอนก็ไป 8 แล้ว ดังนั้นก็ยังมีเวลาอีกมาก บางคนสวดมนต์ตลอดเวลา สวดมนต์เป็นเวลา 30 จบบ้าง 108 จบบ้าง ก็ยิ่งสามารถที่จะทรงอารมณ์ได้เยอะขึ้น ตรงจุดนี้ก็ถือว่าเป็นแนวทางง่ายๆ ที่เราสามารถปรับประยุกต์ใช้ให้ตรงกับจริตวิสัยสิ่งที่ชอบ ชอบสวดมนต์ก็สวดมนต์บนพระนิพพาน ชอบเจริญพระกรรมฐาน ภาวนา ก็ภาวนาบนพระนิพพาน ชอบเจริญปัญญา เจริญวิปัสสนาญาณ ก็พิจารณาไปบนพระนิพพาน ก็เป็นอันว่ากระแสแห่งกุศลทั้งหลาย ในช่วงที่เราตั้งใจปฏิบัติ บุคคลที่ตั้งใจเข้ามาฟังธรรมะในวันนี้ ย่อมได้ชื่อว่าเป็นผู้ที่มีกำลังใจสูง เป็นจิตที่ธรรมะจัดสรร ตั้งใจจะปฏิบัติเข้มข้นขึ้นในช่วงเข้าพรรษา ก็ขอให้กระแสของพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพคุ้มครองรักษา ให้เจริญก้าวหน้าในธรรม เห็นหน้าเห็นหลังชัดเจน ขอเทพพรหมเทวาที่ท่านได้รับรู้รับทราบ โมทนาและรักษาขันธ์ 5 ร่างกาย กุศลความดีของเราทุกคน
จากนั้นให้เราน้อมจิตและอาราธนาน้อมจิตกราบพระพุทธเจ้า กราบทุกท่านบนพระนิพพาน ขอท่านเมตตาสงเคราะห์ กระแสธรรมขอจงกระจ่างแจ้งปราศจากความติดขัดในธรรมในข้อธรรมทั้งปวง ญาณทั้ง 8 จงชัดเจนแจ่มใสกระจ่างแจ้ง เป็นญาณเครื่องรู้อันเป็นไปเพื่อการละ ตัด วาง สลายสรรพกิเลส ถอดถอนกิเลส จากใจ กราบด้วยความเคารพ
จากนั้นน้อมกระแสจากพระนิพพานลงมายังโลกมนุษย์ สลายล้างความทุกข์ สลายล้างวิบากความเศร้าหมอง กระแสบุญชำระล้างให้เกิดความสุขสงบสันติร่มเย็น กระแสบุญจากพระนิพพานน้อมลงมายังประเทศชาติบ้านเมืองขอให้ปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งปวง ปลอดภัยจากสงคราม ปลอดภัยจากบุคคลที่เป็นภัยต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ขอกำลังบุญคุ้มครองผืนแผ่นดินไทย ขอกระแสแห่งพระนิพพานลงมายังเขตพระพุทธศาสนา ชำระล้างวัด สถานปฏิบัติธรรมจากกระแสของอกุศลวิบากมิจฉาทิฏฐิทั้งปวง ขอกระแสสัมมาทิฏฐิ กระแสมรรคผลพระนิพพาน กระแสแห่งบุญกุศล ทาน ศีล ภาวนาอันบริสุทธิ์ หลั่งไหลลงมา กำลังพุทธานุภาพ ธรรมานุภาพ สังฆานุภาพ ลงมายังวัดวาอารามสถานปฏิบัติธรรมทุกแห่ง พระพุทธรูปจงมีกำลังพุทธานุภาพ ความศักดิ์สิทธิ์ พระธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐิธาตุ พระบรมธาตุ พระอรหันตธาตุ ขอจงเกิดความศักดิ์สิทธิ์ประจักษ์แจ้งเป็นปัจจัตตังต่อผู้ประพฤติธรรม ผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ ผู้เข้าถึงไตรสรณคมน์ ขอกระแสมรรคผลพระนิพพาน จงน้อมรวมลงสู่พุทธบริษัท 4 ผู้เป็นสัมมาทิฏฐิ ผู้ตั้งจิตไว้ชอบแล้ว ขอน้อมกระแสแห่งพระนิพพาน กระแสบุญกุศลลงมาคุ้มครองสถาบันพระมหากษัตริย์ ขอกระแสแห่งสัมมาทิฏฐิ กระแสธรรม กระแสญาณ กระแสพุทธานุภาพ คุ้มครองรักษา ขอกระแสแห่งสัมมาทิฏฐิ จงปรากฏขึ้นกับโลกใบนี้ กับประเทศไทย กับเขตพระพุทธศาสนา กับทุกวัดวาอาราม น้อมกระแส แผ่เมตตาลงไปยังภพภูมิของอรูปพรหมทั้ง 4 พรหมโลกทั้ง 16 ชั้น สวรรค์ทั้ง 6 ชั้น แผ่เมตตาน้อมกระแสแห่งการปฏิบัติ ถึงรุกขเทวดาทั้งหลาย ภุมมเทวดาทั้งหลาย เจ้าที่เจ้าทางทั้งหลาย น้อมกระแสมรรคผลพระนิพพานลงไปยังโลกมนุษย์ มนุษย์และสัตว์ที่มีขันธ์ 5 กายเนื้อกายหยาบทั่วอนันตจักรวาล แผ่เมตตาลงไปยังภพภูมิของโอปปาติกะสัมภเวสี ดวงจิตดวงวิญญาณ เมืองบังบดลับแลทั้งหลาย มิติที่ทับซ้อนทั้งหลาย แผ่เมตตาลงไปยังบรรดาเปรตอสุรกายทั้งหลาย แผ่เมตตาลงไปยังบรรดาดวงจิตดวงวิญญาณของโอปปาติกะสัมภเวสีทั้งหลาย แผ่เมตตาลงไปยังนรกภูมิทุกขุม จากนั้นน้อมจิตอาราธนากระแสของพุทธานุภาพ สมเด็จองค์ปฐมเมตตาเปิดโลก 3 ภพภูมิ แผ่เมตตาสว่างทั้ง 3 ภพ 3 ภูมิ จงสงบสุขสันติร่มเย็น จงเข้าถึงกระแสแห่งไตรสิกขา ทาน ศีล ภาวนา ความดี
น้อมจิตกราบลาพระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์ ครูบาอาจารย์ทุกพระองค์ กราบลาเทพพรหมเทวา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เมตตาสงเคราะห์ เมื่อน้อมจิตกราบแล้ว ก็พุ่งจิตกลับมาบนโลกมนุษย์เป็นแสงสว่าง กายทิพย์กายเนื้อประสานรวมกันเป็นหนึ่ง น้อมกระแสพระนิพพานลงมาฟอกชำระล้างธาตุขันธ์ ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง กลายเป็นแก้วใสสว่าง โครงกระดูก หลอดเลือด เส้นเอ็น สะอาด ใส สว่าง เซลล์ทุกเซลล์ อวัยวะทุกส่วน อาการทั้ง 32 ธาตุธรรมชำระล้างธาตุขันธ์ กลายเป็นแก้วใสสว่าง เนื้องอก เซลล์มะเร็ง เซลล์ที่ผิดปกติ ส่วนใดในร่างกายที่ติดขัด เจ็บไข้ได้ป่วยไม่สบาย น้อมกระแสธาตุธรรมลงมาชำระล้างธาตุขันธ์ ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ปราณ ชี่ พลังชีวิต สมบูรณ์พร้อม ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง กาย จิต สะอาดราบรื่นเป็นสุขผ่องใส จิตสงบร่มเย็น เจริญจิตเข้าสู่กุศลความสงบสมาธิได้อย่างง่ายดาย ปัญญาพิจารณาในธรรม พิจารณาถอดถอนกิเลส พิจารณาได้ราบรื่นลึกซึ้ง ปราศจากการติดขัด น้อมกระแสบุญกุศล ขอจงปรากฏความเจริญรุ่งเรืองทั้งทางโลกทางธรรม บุญรักษาเทวดาพรหมคุ้มครอง
น้อมจิตอนุโมทนาสาธุกับญาติธรรมที่ตั้งจิตตั้งกำลังใจเด็ดเดี่ยวในการปฏิบัติธรรม น้อมโมทนาสาธุกับท่านทั้งหลายที่ตัดภพจบชาติ ยกจิตขึ้นสู่ความเป็นอรหัตผลเข้าสู่พระนิพพาน เทพพรหมเทวาที่ท่านเข้าถึงพระนิพพาน น้อมจิตโมทนาสาธุกับบุญกุศลที่ส่งผลให้ท่านประสบที่ความทุกข์ อยู่ในภพภูมิของนรกภูมิได้พ้นจากโทษภัย ปรับภพภูมิพ้นจากนรกด้วยกำลังแห่งพระกรรมฐาน อันมีคุณของพระพุทธเจ้า พระธรรม พระอริยสงฆ์ พระโพธิสัตว์ พระสุปฏิปันโน เมตตาสงเคราะห์เป็นที่สุดด้วยเถิด
จากนั้นน้อมจิตของเราให้ผ่องใสสว่าง หายใจเข้าลึกๆช้าๆ หายใจเข้าพุท ออกโธ หายใจเข้าลึกๆช้าๆครั้งที่ 2 ธัมโม หายใจเข้าช้าๆลึกๆครั้งที่ 3 สังโฆ จากนั้นถอนจิตช้าๆออกจากสมาธิด้วยความผ่องใส เห็นจิตของเราเองนั้นสว่างเป็นประกายระยิบระยับ รู้สึกสัมผัสได้ถึงองค์พระ อยู่เหนือเศียรเกล้า อยู่บนศีรษะของเรา ใจผ่องใสเป็นสุขที่สุด ญาณเครื่องรู้ชัดเจน เห็นด้วยความเป็นทิพย์ รอบกายเราแม้ออกจากกรรมฐานแล้ว ก็ยังมีรัศมีกาย มีความพรั่งพราย มีประกายระยิบระยับพร่างพรายรายรอบ โดยรอบกายขันธ์ 5 เราอยู่ ความเป็นทิพย์กระจ่างชัดเจนคล่องตัวอย่างยิ่ง เห็นเทวดาพรหมที่ท่านคุ้มครองรักษา แม้เราออกจากพระกรรมฐานแล้ว ตอนนี้ท่านก็ยังปรากฏลอยอยู่มากมายมหาศาลอยู่เหนือศีรษะของเรา ใจเอิบอิ่มผ่องใสอย่างยิ่ง ทรงอารมณ์ไว้ ตั้งใจให้ดีตลอดเข้าพรรษานี้ ให้จิตของเราเป็นกุศล สาธุในทุกบุญ สาธุในทุกกุศล สาธุในทุกความดี ขยันหมั่นโมทนาบุญกับทุกกุศลที่ปรากฏขึ้น ที่เรารู้เราเห็น และตั้งใจว่าแม้ทุกวันที่เราไม่รู้ไม่เห็น
อารมณ์จิตแรกที่เราตื่นขึ้นตอนเช้าอยู่กับพระแล้ว สิ่งต่อมาก็อธิษฐานเปิดสามแดนโลกธาตุ อธิษฐานว่าบุญใด ทาน ศีล ภาวนา ที่ปรากฏขึ้น มีคนได้กระทำบำเพ็ญทำความดี วันนี้มีผู้ใดเข้าถึงมรรคผล วันนี้มีผู้ใดเข้าถึงธรรม วันนี้มีผู้ใดเข้าถึงฌานสมาบัติ วันนี้มีผู้ใดรักษาพระอุโบสถศีล รักษาศีล 5 ได้ เราขอมหาโมทนาบุญเป็นมุทิตาอัปปมาฌานในทุกเช้า โมทนาสาธุกับทุกกุศลทั่วจักรวาล สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาบุญกับทุกคน ให้ทุกคนตั้งกำลังใจตั้งจิตให้เป็นกุศล ตั้งใจว่าตลอดพรรษาเราจะเข้มข้น ภูมิจิตภูมิธรรมขอให้เราทุกคนก้าวหน้าขึ้น รุดหน้าขึ้น ญาณฌานสมาบัติคล่องตัวขึ้น มโนมยิทธิ ญาณ 8 คล่องตัวขึ้นกันทุกคน
สำหรับวันนี้ก็ขอโมทนาอย่างยิ่ง หลายคนปฏิบัติได้ดี พบกันใหม่ในวันอาทิตย์ที่จะมาถึง เราตั้งใจปฏิบัติ สำหรับวันนี้สวัสดี
ถอดเสียงและเรียบเรียงโดย : คุณวรรณภา/คุณเรวัติ